นายปิติ ดิษยทัต เลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ระบุว่า ตั้งแต่เดือน ส.ค.65 กนง.ได้ถอนคันเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปมาสักระยะหนึ่งแล้ว ตอนนี้มองว่าอัตราดอกเบี้ยเข้าใกล้จุดระดับที่ควรจะเป็นมากขึ้น

อย่างน้อยอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงควรจะไม่เป็นลบ แต่ควรจะเป็นบวก และจากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ กนง.มองว่าเข้าใกล้จุดที่ถอนคันเร่งจนเกือบหมดมากขึ้น

เพราะจะเป็นการคงระดับภาวะการเงินไปสักพักหนึ่ง เนื่องจากเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นเข้าสู่ศักยภาพ แต่ไม่ได้เกินศักยภาพเหมือนสหรัฐอเมริกา และเงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมายแล้ว ซึ่ง กนง.จะต้องคำนึงถึงข้อมูลต่าง ๆ หลังจากนี้มากขึ้น ส่วนในภาพรวมยังมีความไม่แน่นอนในระยะสั้นทั้งจากเศรษฐกิจโลกและสภานการณ์ในประเทศ ซึ่งในการประชุมครั้งต่อไป กนง.ต้องดูความชัดเจนจากแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะข้างหน้านี้

ตามคาด! กนง.มติเป็นเอกฉันท์ "ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี" มีผลทันที

"การเมืองไม่นิ่ง" เอกชนประเมินเศรษฐกิจครึ่งปีหลังยังมีความท้าทายสูง

เศรษฐกิจเดินมาสักระยะหนึ่งแล้ว เข้าใกล้โซนกลางๆ(Neutral) มากขึ้น คำนึงถึงปัจจัยระยะใกล้และระยะยาว ก็จะมีบทบาทที่มากขึ้นเช่นเดียวกัน รอบหน้าต้องอาศัยข้อมูลระหว่างนี้ เพื่อดูข้อมูลดังกล่าวจะช่วยเสริมในระยะต่อไปอย่างไร

ส่วนปัญหาหนี้ครัวเรือนและธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง จากอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น เป็นเหตุผลหนึ่งที่ กนง.ดำเนินนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยหนี้ครัวเรือนสูง ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ได้ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยตรง ๆ ซึ่งธปท.มีเครื่องมือดูแลเฉพาะจุดในตรงนี้อยู่แล้ว

การเมืองยิ่งยืดเยื้อยิ่งส่งผลไม่ดีต่อเศรษฐกิจคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

สำหรับความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้ยังมีความไม่ชัดเจนจากนโนบายของภาครัฐ ถ้าความไม่แน่นอนยิ่งยาวนานเท่าไหร่ ย่อมส่งผลไม่ดีต่อการลงทุนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณ ที่คาดว่าจะล่าช้าประมาณ 2 ไตรมาส (ถึงไตรมาส 1 ปี67) แม้ไม่กระทบรายจ่ายประจำ แต่จะกระทบการลงทุนใหม่ ๆ ของภาครัฐที่จะชะลอออกไป